ที่วัดบ้านนา ต.บ้านนา อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร ครอบครัวช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ก่อนสวดอภิธรรมศพ นางสายตา อายุ 62 ปี บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ขณะที่ นายชัยพร อายุ 64 ปี สามีได้ร้องขอความเป็นธรรม ระบุ ภรรยาซึ่งมีอาการท้องเสียไปนอนรอหมออยู่รพ.กว่า 14 ชั่วโมงจนอาการทรุดเสียชีวิต
นายชัยพร เปิดเผยว่า ภรรยามีอาการท้องเสียช่วงค่ำวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ช่วงเที่ยงคืนอาการไม่ทุเลาจึงพาไปเข้าห้องฉุกเฉินที่รพ. เจ้าหน้าที่เจาะเลือดแล้วให้น้ำเกลือ จากนั้นเวลา 01.30 น. ภรรยาถูกนำตัวส่งชั้น 4 อีกตึกจนกระทั่งเช้าก็ยังไม่มีหมอมาดูอาการ ภรรยาแย่ลงเรื่อยๆพยาบาลเอายาพาราให้กินแต่ก็ยังไม่ดีขึ้น อีกทั้งพยาบาลแจ้งว่ายังไม่มีหมอ หมอเวรยังไม่มา
ขณะนั้นภรรยาแย่มากเริ่มเป็นตะคิว ผ่านมา 13 ชั่วโมงยังไม่ได้อะไรเลย มีอาการขาดน้ำ ท้องเสียรุนแรง เราคนเป็นสามาก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ทุกอย่าง ร้องขอรถวีลแชร์ก็ไมได้ เจ้าหน้าที่บอกไม่มี จนกระทั่งบ่าย 2 ภรรยามีอาการช็อกมีเจ้าหน้าที่หลายคนเข้ามาดูอาการแล้วเข็นเตียงจากหน้าลิฟท์เข้าไปในห้องผู้ป่วยแล้วช่วยกันปั๊มหัวใจสุดท้ายภรรยาก็เสียชีวิต
มีหมอที่ไม่ใช่หมอเวรมาบอกว่า ช่วยภรรยาสุดความสามารถแล้ว สิ่งที่ผมติดใจที่สุดอยากรู้ว่า ทำไมไม่มีหมอเวร หมอเวรไปไหน ตั้งแต่ตี 1 ครึ่ง ถึงบ่าย 2 โมง มีแต่พยาบาล ถ้ามีหมอเวรภรรยาคงไม่เสียชีวิต เหตุการณ์ทั้งหมดผมขอยืนยันว่า ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาตามขั้นตอนอย่างรวดเร็วและไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ทางการแพทย์อย่างเพียงพอ ส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิต แพทย์ผู้รับผิดชอบคนไข้ไม่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ตามเวลาที่ควรมา
จากนั้นนายชัยพร พร้อมครอบครัว เดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับ ผวจ.ชุมพร โดยมีนายธนนท์ พรรพีภาส ปลัดจังหวัดชุมพร เป็นตัวแทนรับหนังสือซึ่งเรียกร้องให้ผู้บริหารรพ.ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ที่รักษาภรรยา แพทย์เวร ทำไมไม่มาปฏิบัติหน้าที่ ส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิต การวินิจฉัยโรคผิดพลาดหรือไม่ การให้ยาไม่ทันเวลา และแพทย์ เจ้าหน้าที่ละเลยปฏิบัติหน้าที่ต่อคนไข้หรือไม่
วันเดียวกัน นพ.สัญชัย นาคะพันธุ์ รองผอ.ฝ่ายการแพทย์ รพ.ชุมพร ชี้แจงเรื่องนี้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผู้ป่วยเข้ามารพ.เวลาประมาณเที่ยงคืน มีประวัติเดิมคือปวดเมื่อย ไม่สบายมา 2-3 วันแล้ว ได้รับการรักษาที่คลินิกมาก่อนแต่อาการไม่ดีขึ้น มีอาการท้องเสียร่วมด้วย ฉะนั้นแพทย์ให้นอนรพ.เพราะมีอาการป่วยอ่อนเพลีย ตรวจชีพจรไข้ก็ไม่มี ไม่แน่ใจว่าได้ยาอะไรมาบ้างแล้วจากคลินิก ทำให้อาการดูไม่ได้แย่มาก
แต่แพทย์รับไว้ให้น้ำเกลือและสังเกตอาการ ตรวจเลือดหาสาเหตุ ผ่านไปจนถึงวันรุ่งขึ้น แพทย์ในตึกผู้ป่วยก็มาดูคนไข้ มีอาการค่อนข้างดี ยังลุกเดินช่วยเหลือตัวเองเข้าห้องน้ำได้ ได้รับการตรวจและการรักษาแบประคับประคอง เพราะยังไม่มีสาเหตุโรคชัดเจนรอดูผลดูอาการ แต่ปรากฏว่าช่วงเที่ยงวันนั้นผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงในทางที่แย่ลง มีอาการเหนื่อยมากขึ้น ชีพจร ความดัน เปลี่ยนแปลง แพทย์พยายามหาสาเหตุเพิ่มเช็กเลือด เจาะเลือดเอาไปเพาะเชื้อ มองว่าอาจจะติดเชื้อที่รุนแรงกว่าที่คิดในตอนแรก
จากนั้นผู้ป่วยแย่ลงจนแพทย์ที่อยู่ในเวรตัดสินใจใส่ท่อช่วยหายใจ เพราะผู้ป่วยเหนื่อยมากพยายามใส่หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ ต้องตามอาจารย์สตาฟมาช่วยใส่ท่อใช้เวลาพอสมควรจึงทำให้ผู้ป่วยระหว่างนั้นอายุเยอะเหนื่อยมาก คงไม่ไหว มีความดันตกมาก คนไข้ช็อกหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ ทีมแพทย์ระดมพยายามทำ CPR กระตุ้นผู้ป่วยให้กลับมา และพยายามให้ยากระตุ้นหัวใจ ซึ่งกลับมาสักพักหนึ่งก่อนผู้ป่วยมีอาการหัวใจล้มเหลวหยุดเต้นอีกครั้งหนึ่งจนกระทั่งเสียชีวิต รวมระยะเวลากลางคืนจนถึงกลางวันอีกวันก็ยังไม่ถึง 24 ชม.
ทำให้รู้สึกว่าผู้ป่วยเข้ามาเสียชีวิตค่อนข้างเร็วมาก ญาติคงมีปัญหาคาใจว่าทำไม ผู้ป่วยถึงได้เสียชีวิตเร็วขนาดนี้ ทั้งๆที่ตอนแรกอาการค่อนข้างดี รพ.พยายามจะอธิบายถึงสาเหตุ ได้วิเคราะห์ผลเพาะเชื้อสุดท้ายมีการติดเชื้อในกระแสเลือดจริงๆ คือการรักษาทำตามขั้นตอน แต่ว่าโรคค่อนข้างโปรเกรสเร็วมากทำให้การรักษาตามไม่ทัน สุดท้ายทำให้ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ทัน สาเหตุการตายคือติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือด ทำให้อาการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ญาติอาจจะติดใจเพราะยังไม่ได้คุยรายละเอียดกันทั้งหมด