วันที่ 20 พ.ย.66 ที่ สน.ลุมพินี นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง มา ติดตามขยายผลกรณีได้รับแจ้งว่าพบหญิงชาวจีนหน้าเหลวผิดรูป มีรอยไหม้ตามตัวอีกรายมานั่งขอทานใส่ชุดนักเรียน ในย่าน สน.ลุมพินี พบว่ามักจะไปนั่งอยู่บริเวณสถานีบีทีเอสอโศกและนานา
นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า วันนี้ตนเองมาที่ สน.ลุมพินี เพื่อมาตามหาหญิงชาวจีนหน้าเละ คล้ายโดนน้ำกรดนิ้วกุด ใส่ชุดนักเรียน ขณะนี้มีเป้าทั้งหมด 7 คน ถูกจับแล้ว 3 คน เหลืออีก 4 คน มีคนแจ้งมาว่าอยู่ในพื้นที่ของ สน.ลุมพินี ซึ่งตนเองประสานกับผู้กำกับแล้ว และผู้กำกับยินดีให้ความช่วยเหลือ ทั้งนี้ไม่ได้มีแค่จนท. ตำรวจ แต่มีทางดีเอสไอด้วย
โดย 3 วันที่ผ่านมานี้ ตนเองพบว่ามีสิ่งผิดสังเกตเยอะมาก ซึ่ง 3 คนที่ถูกจับนั้น มีล่ามโผล่มาที่ สน.ทุกคน ทุกคนไม่มีพาสปอร์ตติดตัว แต่ล่ามจะเป็นคนนำพาสปอร์ตมาให้ ส่วน 3 คนไม่ให้ข้อมูลอะไรเลย จะพูดเพียงว่าสมัครใจมาทำ
ทั้งนี้ตนเองยังประสานกับ รองอธิบดี.พม. ว่ามันดูผิดปกติ เข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ทั้งนี้ตนเองตั้งข้อสังเกตว่า มีการโกหก ที่ทั้ง 3 คน อ้างว่าสมัครใจมาทำ แต่อาจมีผู้อยู่เบื้องหลังบังคับให้คนเหล่านี้มาทำ หรือหากบอกปลายทางครอบครัวอาจจะเป็นอันตรายก็ได้ นอกจากนี้เรื่องซิมโทรศัพท์ตนเองสงสัยว่าเอามาจากไหน แต่เขาอ้างว่าเจอตกอยู่ข้างถนน ซึ่งตนเองไม่เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น รวมถึงกุญแจห้องคีย์การ์ด เขาไม่ยอมบอกว่าเอามาจากไหนแต่บอกว่าจะอยู่ข้างถนนตนเองเลยมองว่ามันแปลกมาก
ส่วนคนที่ถือพาสปอร์ตของทั้ง 3 คนเป็นชาวจีน แต่ตนเองมองว่าไม่บริสุทธิ์ใจเพราะไม่ยอมมาเจอ ตนเองจึงประสาน พม. ว่าคนจีนรายนี้เกี่ยวข้องอะไร และล่ามไม่ใช่ล่ามธรรมดา เพราะนั่งรถยนต์หรูมา และมีสามีชาวจีนมาด้วย และทุกครั้งก็มาขอยัดเงินตำรวจต่อหน้าตนเองจำนวน 10,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัวให้กับประเทศเอง ทั้งนี้ตนเองถามว่า เคยทำแบบนี้หรือไม่ ซึ่งทั้ง 3 คนอ้างว่าเคยทำได้บ้างไม่ได้บ้าง นอกจากนี้ยังมีการมาขอเคลียร์กับตนเอง โดยจะให้เงินทั้งหมดที่มีเพื่อแลกกับการกลับประเทศ ซึ่ง 2 คนแรก ใช้ล่ามคนเดียวกัน คนที่ 3 ใช้ล่ามอีกคน โดยทั้งหมดจะมีแพตเทิร์นเดียวกัน คือใส่ชุดนักเรียน มีลักษณะเดียวกันเหมือนได้มาแพตเทิร์นเดียวกัน กล่องขอเงินแบบเดียวกัน มีคนไทยมาเคลียร์ให้ ตนเองได้ถามถึงเหตุผลที่มาเคลียร์ให้ขอทานชาวจีน กลับได้เหตุผลว่าเขาไปนั่งกินข้าวที่ร้านแล้วขอให้ช่วย เลยมาช่วย แต่ตนเองมองว่ามันฟังไม่ขึ้น
ส่วนวันนี้ตนเองกังวลว่าหากเราใช้แผนการเดิม เป้าหมายอาจไหวตัวทัน จึงประสานผู้กำกับสน. ลุมพินีและดีเอสไอ ซึ่งหากวันนี้เราได้ตัวนำตัวเข้าดีเอสไอเพื่อขยายผลต่อไป
นอกจากนี้จากการสอบถามพบว่ามีการจ้างงานจากมาเลเซีย และไม่ใช่การเข้าไทยครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่ 4-5 อยู่ไทยมาประมาณ 10 วัน และที่ขอเคลียร์เงินนั้นเนื่องจากไม่อยากให้ถูกแบล็คลิสต์ เพราะหากถูกส่งกลับอาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลย ซึ่งตนเองสงสัยว่าเข้าผ่านมาเลเซียมาได้อย่างไรตั้งหลายครั้ง และทุกครั้งที่ออกไปนั้นออกไปเพราะเหตุใด เพราะวีซ่าเกินหรือถูกจับหรือไม่
วันนี้ที่อยากให้ ดีเอสไอ เข้ามามาช่วย คือ 1. เนื่องจากมีการอ้างตำรวจในการขอเคลียร์ 2.เพื่อขยายผลถึงต้นขบวนการให้ได้ว่า ใครเป็นคนจัดหามา ตนเองเชื่อว่าเป็นขบวนการเพราะทุกคนรู้จักกัน อย่างเคสปิ่นเกล้าเมื่อวานนี้ตนเองเชื่อว่ามีคนพาไปแน่นอน
อีกทั้งบาดแผลของทั้งสามคนยังเหมือนกัน ทุกคนนิ้วกุด ส่วนบาดแผลบนใบหน้า ที่อ้างว่าถูกน้ำกรดนั้น ตนเองยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะลักษณะมันมันไม่ใช่ อย่างของผู้หญิงรายนี้มีวงแหวนอยู่ตรงคอเหมือนถูกโหลแก้วครอบ ที่มือก็เช่นกัน ตัวเองมองว่ามันเป็นผิดปกติ ซึ่งทุกคนอ้างว่า บาดแผลทุกคนบอกถูกไฟไหม้
และตนเองเชื่อว่าเป็นขบวนการแน่นอนเพราะมีเล่ห์เหลี่ยม รู้ทันกฏหมาย มีพาสปอร์ต และพูดเหมือนกันว่าสมัครใจมา แต่คนที่สองกดแปลภาษาให้ล่ามดูเขาเขียนว่า “ฉันไม่ได้พูดอะไรถึงคุณเลยนะ” ส่วนคนที่ 3 บอกว่าไม่รู้ว่าประเทศไทยของไทยผิดกฎหมาย ส่วนที่ประเทศเขาไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ที่ขอทานเยอะมาก เลยต้องมาที่นี่
อย่างไรก็ตามจากข้อมูล ส่วนใหญ่อยู่ไทยเป็นระยะเวลาหลักเดือน และตนเองเชื่ออย่างแน่นอนว่าล่ามต้องมีส่วนเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะขอทานอ้างว่านอนริมถนน เพราะเหตุใดจึงเอาพาสปอร์ตไปฝากคนอื่น ส่วนขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้แหล่งกบดานที่เรียบร้อยแล้ว ต่อมา นายกัณฐัศว์ ได้เข้าไปประสานกับ พ.ต.อ.นิมิตร นูฌพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี ถึงกรณีดังกล่าว
วุฒิไกร พิมพ์เงิน ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์