วันที่ 26 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษา คดี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ สั่งโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คดีดังกล่าว อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีเมื่อช่วงเดือน ก.ย. 54 น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีคำสั่งโยกย้ายนายถวิล ในขณะนั้น มาเป็นที่ปรึกษานายกฯ โดยมิชอบ โดยนัดอ่โดยศาลมีคำพากษายกฟ้อง โดยระบุโดยสรุป ดังนี้
1.คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเพียงคุณสมบัติหรือความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงไม่ผูกพันศาลฎีกาเรื่องความรับผิดทางอาญา ส่วนคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดเป็นการวินิจฉัยเพียงคำสั่งโยกย้ายเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ไม่ได้วินิจฉัยถึงความผิดในทางอาญาเช่นกัน จึงเป็นคนละประเด็นกับที่ศาลฎีกาจากวินิจฉัยในการกระทำความผิดและเจตนาในการกระทำรวมถึงเจตนาพิเศษ
2) คำเบิกความของพยานบุคคล นายบัณฑูร สุภัควณิช และนายพงษ์ศักดิ์ ไม่ได้ยืนยันว่ามีมูลเหตุจูงใจหรือที่มาของการสั่งการตามที่เบิกความ ย่อมเป็นธรรมดาที่นายกรัฐมนตรีจะสั่งการได้ ส่วนเรื่องวันเวลาในการโยกย้ายที่ใช้เวลาเพียง 4 วัน นายบัณฑูรเบิกความว่าเป็นกรณีที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง
3) ศาลรับฟังพยานบุคคลฝ่ายจำเลยสี่ปากประกอบด้วย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ , พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ไม่มีพยานหลักฐานใดยืนยันว่าการแต่งตั้งโยกย้ายนายกรัฐมนตรี เข้ามาชี้นำ หรือสั่งการ ในการแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าว ส่วนความเห็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นการให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นในฐานะส่วนตัวเท่านั้น มิได้มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับการแต่งตั้งโยกย้าย นายถวิล หรือ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี แต่อย่างใด
4) ไม่มีพยานหลักฐานใดที่แสดงถึงความเชื่อมโยงในการโยกย้ายนายถวิล เพื่อให้พล.ต.อ.วิเชียรขึ้นมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติแต่อย่างใด เพราะกระบวนการในการโยกย้ายนายถวิล ระยะเวลาห่างจากการแต่งตั้งพล.ต.อ.วิเชียร ถึง 22 วัน และไม่ปรากฏพยานว่าการโอนย้ายนั้น เป็นการเตรียมการโดยแบ่งแยกหน้าที่กันทำ เพื่อให้มีการแต่งตั้งพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแต่อย่างใด ศาลจึงเห็นว่าจำเลยไม่ได้มีเจตนาพิเศษในการแต่งตั้งโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี แต่อย่างใด ขณะที่ศาลฎีกา อ่านบันทึกระบุว่า นัดฟังคำพิพากษาวันนี้ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์และทนายจำเลยมาศาล ส่วนจำเลยศาลออกหมายจับแล้ว ยังไม่ได้ตัวมา และทราบนัดโดยชอบแล้ว อ่านคำพิพากษาให้คู่ความที่มาศาลในวันนี้ฟัง และให้ถือว่าจำเลยได้ฟังคำพิพากษาแล้ว เพิกถอนหมายจับจำเลยานไปเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา