วันที่ 6 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงานว่า เกิดเหตุถนนทรุดตัว บริเวณถนนกาญจนาภิเษก บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันซัสโก้ ก่อนเข้าถนนพระราม 2 ล่าสุด ทีมข่าวลงพื้นที่มาตรวจสอบพบว่า ถนนทรุดตัวเป็นวงกว้าง แต่เจ้าหน้าที่ได้เริ่มดำเนินการนำยางมะตอยมาถมถนนแล้ว ขณะที่การจราจร ติดขัดอย่างหนัก ท้ายแถวสะสมประมาณ 2 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ต้องปิดช่องทางคู่ขนานไม่ให้รถผ่าน เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร
สำหรับจุดที่ถนนทรุดตัวนั้น ได้ทรุดทั้งหมด 4 เลน เป็นช่องทางคู่ขนาน 2 เลน และช่องทางหลัก 2 เลน ทำให้รถวิ่งได้แค่ช่องทางหลักขวาสุด 2 เลนเท่านั้น โดยถนนได้ทรุดตัวเป็นระยะทางทั้งหมด 33 เมตร ความลึก 1.26 เมตร ส่วนการขุดวางท่อประปาอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 25 เมตร
ด้าน นายพงศพล กองเพชร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคารตรงจุดเกิดเหตุ เล่าว่า เมื่อวานนี้ ตนเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติตั้งแต่เวลาประมาณ 13.30 น. โดยเห็นศาลารอรถโดยสารเริ่มเอียง พอไปดูพื้นถนนก็เห็นว่าเริ่มทรุด จนกระทั่ง 16.00 น. จึงเริ่มมีเจ้าหน้าที่มา ซึ่งตนมองว่า เจ้าหน้าที่ทำงานช้า เพราะมาถึงก็แค่ยืนถ่ายรูป แต่ไม่กั้นรถ ยังปล่อยให้รถวิ่งผ่าน ตนเลยเข้าไปถามว่า จะรอให้มันเกิดอุบัติเหตุ เกิดการสูญเสียก่อนไหม เจ้าหน้าที่บอกว่า ต้องรอแบริเออร์ แต่ตนเห็นว่าแบริเออร์พลาสติกใกล้ๆ กันก็มี ตนเลยบอกให้เอากรวยของตึกตนไปใช้ก่อน เพราะกลัวจะเกิดเหตุแบบในเมืองที่เคยเป็นข่าว
ทั้งนี้ ตนอยู่ตรงจุดนี้มาหลายสิบปีแล้ว ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นว่าถนนมีปัญหา จนเมื่อประมาณไม่กี่เดือนก่อน ได้มีการมาลงเสาไฟฟ้าเพิ่มสองต้น ซึ่งตนคาดว่าน่าจะฝังเสาลงไปโดนท่อประปาด้านล่าง เพราะหลังจากนั้น ก็เริ่มเห็นถนนร้าว มีรอยแตก จนมาเกิดเหตุครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม การที่เจ้าหน้าที่จะเอายางมะตอยมาถมถนนเพื่อเปิดการจราจรชั่วคราว จนมองว่าไม่ปลอดภัย อยากให้ขุดตรวจสอบด้านล่างว่าสาเหตุที่ดินสไลด์เกิดจากอะไร
นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ในฐานะโฆษกกระทรวงคมนาคม ได้รับมอบหมายจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ลงพื้นที่มาตรวจสอบหน้างานจุดเกิดเหตุ โดยได้รับฟังข้อมูลและแผนแก้ไขปัญหาถนนทรุดตัวจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งพาสื่อมวลชนไปดูพื้นที่หัวเจาะอุโมงค์ด้วย ก่อนเปิดเผยว่า หลังจากได้ตรวจสอบเหตุในเบื้องต้น พบว่าสาเหตุของเหตุการณ์ถนนยุบตัวครั้งนี้ เกิดจากทางการประปานครหลวงมีการขุดอุโมงค์ส่งน้ำตามโครงการก่อสร้างของการประปานครหลวง ระยะแรกขุดยาวในจุดถนนกาญจนาภิเษกไปยังถนนกัลปพกฤษ์ ระยะทาง 1.3 กิโลเมตร ความลึกราว 30 เมตร เทียบเท่ากับตึกความสูงกว่า 10 ชั้น ซึ่งระหว่างการขุดมาในตอนแรกก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่หลังจากวันหยุดปีใหม่สิ่งที่เกิดขึ้น คือการไปขุดเจอชั้นทราย ทำให้ทรายไหลลงมากองอยู่ในอุโมงค์ ส่งผลให้ถนนยุบตัวลงราว 60 เซนติเมตรเมื่อวานนี้ จึงจำเป็นต้องปิดถนนทางคู่ขนาน ทำให้การจราจรติดขัดตั้งแต่ 4 โมงเย็นของเมื่อวานจนถึงวันนี้
เบื้องต้นจากรายงานไม่มีคนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่หากท่านไหนได้รับความเดือดร้อนจากกรณีถนนยุบครั้งนี้ ก็สามารถติดต่อไปได้ที่การประปานคนหลวง พร้อมยินดีรับผิดชอบและเยียวยาชดใช้พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนด้วย
ทั้งนี้จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ของการประปานครหลวงว่าจะทำอย่างไรในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ / ได้ข้อมูลว่า หลังจากนี้จะต้องตรวจสอบชั้นหน้าดินใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง ก่อนจะดำเนินการขุดต่อ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก // ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาของถนนที่ทรุดตัวลง ก็จะเร่งทำการฟื้นฟูถนนแบบชั่วคราวให้เสร็จภายในภายในวันนี้ ก่อนจะเปิดการจราจรช่วงเวลา 17.00 น. ทันที เพื่อให้พี่น้องประชาชนกลับมาใช้ถนนได้เป็นปกติ พร้อมทั้งจะสำรวจปรับปรุงถนนให้ใช้ได้อย่างถาวร โดยจะวางแผนการซ่อมแซมถนนไม่ให้กระทบกับพี่น้องประชาชน ซึ่งในเบื้องต้นจะซ่อมแซมในช่วงเวลากลางคืนและจะปิดถนน 4 ชั่วโมงต่อวัน
เมื่อถามย้ำภาพรวมการสำรวจสภาพชั้นดินแล้ว ปัจจุบันจุดเกิดเหตุเป็นอย่างไรนั้น ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม บอกว่า จากการสำรวจแผนผังตอนนี้ชั้นดินยังเป็นปกติ แต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเกิดจากการสำรวจไม่ถี่ถ้วน และไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ จึงได้เน้นย้ำไปแล้วว่าหลังจากนี้ให้สำรวจถี่ถ้วนและแม่นยำมากขึ้น เพื่อความมั่นใจของพี่น้องประชาชน / โดยจุดชั้นใต้ดินที่เกิดเหตุ ตอนแรกพบว่าเป็นดินเหนียว แต่เมื่อขุดเสร็จกลับเป็นดินทราย ทำให้ทรายกับน้ำไหลไปกองอยู่ในอุโมงค์ตามที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งแนวทางแก้ไขก็จะมีเทคนิคในการจัดการอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้น เกิดจากการประเมินหน้างานที่ผิดพลาดเอง ทางกระทรวงคมนาคมไม่ได้นิ่งนอนใจ และจะทำหนังสือไปถึงการประปานครหลวงด่วยว่า จากนี้ต้องตรวจสอบให้แน่ใจและมั่นใจว่าการขุดเจาะหลังจากนี้ จะไม่เกิดเหตุซ้ำขึ้นอีก
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ยังระบุอีกว่า ต้องกราบขออภัยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสัญจรในครั้งนี้ พร้อมให้คำมั่นว่าหลังจากนี้จะไม่มีเหตุการณ์ทรุดตัวขึ้นอีก ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุหนึ่ง หลังจากนี้จะมีการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ และขณะนี้เองเราสามารถซ่อมแซมถนนให้กลับมาได้ในเบื้องต้นแล้ว
ขณะที่นายนพทัศน์ มาลีรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก การประปานครหลวง ระบุว่า ขั้นตอนของการแก้ไขปัญหาจุดที่พบว่าเป็นดินทราย จริงๆ แล้วเรามีมาตรการในการขุดเจาะอุโมงค์ ไม่ว่าจะพบเป็นดินเหนียวหรือดิน ซึ่งจุดที่เป็นดินทรายหรือเป็นปัญหานั้น เราจะทำการยิงน้ำปูนไปเคลือบ เพื่ออุดโพรงไม่ให้เกิดรอยรั่ว ทำให้ทรายกลับเข้ามาในอุโมงค์ได้อีก ซึ่งก็จะมีผู้ควบคุมงานคอยมอนิเตอร์อยู่ด้านล่าง และจากภาพเครื่องที่มอนิเตอร์อยู่ พบว่า ดินตอนนี้สภาพคงที่แล้วและหลังจากนี้จะเริ่มดำเนินการแก้ไขปัญหาทันที พร้อมทั้งจะเน้นย้ำในการตรวจสอบทุกวัน เพื่อป้องกันสภาพชั้นดินที่อาจจะแปรปรวน
สำหรับโครงการก่อสร้างของการประปานครหลวง เริ่ม ก่อสร้างตั้งแต่ปี 2564 และมีกรอบระยะเวลาในการก่อสร้างถึงปี 2569 โดยตามสัญญา 15 กิโลเมตร ตั้งแต่ถนนกัลปพฤกษ์ไปจนถึงบริเวณซอยประชาอุทิศ ซึ่งการขุดเจาะระยะแรก 1.3 กิโลเมตร บนถนนกาญจนาภิเษก เสร็จสิ้นแล้วประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยหลังจากนี้ก็จะเข้าสู่ระยะที่ 2 ที่จะต้องขุดเจาะไปอีก 1.3 กิโลเมตร เพื่อไปให้ถึงถนนกัลปพฤกษ์ต่อไป
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน