วันที่ 4 ม.ค.2567 ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง ออกตรวจพื้นที่การขุดถมดิน บริเวณ ต.สำนักขุนเณร อ.ดงเจริญ จ.พิจิตร พบมีรถบรรทุก 2 คัน ขนดินเหนียวเปียกน้ำ แบกน้ำหนักจนน่าสงสัยบนถนนทางหลวง จึงขับรถติดตามดูพบนำไปถมในที่ดินชาวบ้านลักษณะเป็นการนำไปขายเชิงพาณิชย์หลายเที่ยวรถ ติดตามต่อจนพบว่ามีการลักลอบขุดตักดิน ในพื้นที่หลังฟาร์มไก่แห่งหนึ่งใน ต.สำนักขุนเณร จึงขับติดตามรถบรรทุกดังกล่าวเข้าไปจนถึงที่ขุดตัก พบมีรถแบคโฮกำลังขุดตักดินเป็นบ่อขนาดใหญ่ มีความลึกกว่า 5 เมตร มีรถบรรทุกเข้าไปรอรับดินอยู่พอดี
เจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงตนขอตรวจสอบเอกสารการแจ้งการขุดต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น และเอกสารการได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 3 ตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 มี นายวอ (นามสมมติ) คนขับรถแบคโฮ มาแสดงตนเป็นผู้จัดการบ่อและเป็นเจ้าของรถทั้งหมดรวมถึงรถบรรทุกด้วย มีลูกจ้าง 2 นาย เป็นคนขับรถขนส่งดินให้ พร้อมแจ้งว่า ไม่มีเอกสารดังกล่าวตามที่ขอตรวจสอบ เพราะขุดดินในที่ตัวเองขาย ไม่จำเป็นต้องบอกใคร ผิดด้วยหรอ? ซึ่งเจ้าหน้าที่แนะนำให้ทราบว่า การขุดดิน ขุดดินลึกเกิน 3 เมตร หรือพื้นที่ปากบ่อเกินกว่า 10,000 ตารางเมตร
โดยปากบ่อดินมีระยะห่างถึงเขตที่ดินข้างเคียง เกิน 2 เท่าของความลึกแม้จะเป็นที่ดินของตนเองก็ตาม ต้องแจ้งการขุดต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อนจะขุดดินเพราะการกระทำดังกล่าวมีความเสี่ยงต่อการพังทลายของดินส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและพื้นที่ข้างเคียง จึงต้องขออนุญาต เพื่อจัดการป้องกันการพังทลายของดิน
โดยต้องได้รับการรับรองจากวิศวกรเสียก่อน หากไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น และกระทำการโดยพละการมีโทษตาม พ.ร.บ.การขุดดินและถมดิน พ.ศ.2543 อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในส่วนของการขุดดินขายถึงแม้จะเป็นที่ดินตนเอง แต่ถือเป็นการประกอบกิจการพาณิชย์ เพราะได้รับผลประโยชน์ต่างตอบแทนกันทั้งเงินจากการขายดินในที่ดินของตนแก่บุคคลทั่วไป และได้ทั้งบ่อน้ำเพื่อการเกษตรในที่ดินของตนด้วย การใช้รถแบคโฮซึ่งมีแรงม้าสูงกว่า 50 แรงม้า ขุดตักดิน จึงเป็นการเข้าองค์ประกอบของการจัดตั้งโรงงานจำพวกที่ 3 ตามบัญชีจำแนกประเภทโรงงานท้าย พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 หากจะประกอบกิจการต้องขออนุญาตจากอุตสาหกรรมจังหวัดเสียก่อน ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ นายวอ อ้างว่า ตนทราบดี เพราะประกอบกิจการมานาน และเคยขออนุญาต แต่เข้าใจว่าพอเป็นที่ของตนเอง เลยเจตนาไม่ขอ เพราะคิดว่าเรื่องเล็กๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นความผิด จึงตรวจยึดของกลาง พร้อมนำตัว ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ดงเจริญ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ขอฝากประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนทั้งหลาย หากพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือเบาะแสเกี่ยวกับลักลอบขุดดินถมดิน ลักลอบประกอบกิจการในลักษณะเดียวกันนี้ สามารถแจ้งมาได้ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สายด่วน 1136