ไม่รู้ กม.ห้าม บุกจับร้านขายถ่าน สต็อกล้น 500 กระสอบ โทษไม่เบา ทั้งจำทั้งปรับ - sotyotnews24.com

Friday, December 15, 2023

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปทส. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส., พ.ต.อ.อริยพล สินสอน รอง ผบก.ปทส. และ พ.ต.อ.ณัทกฤช น้อยคำปัน ผกก.4 บก.ปทส.

ด้วยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มอบนโยบายปราบปรามอาชญากรรมแก่หน่วยงานในสังกัด พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ และดำเนินการจับกุมผู้ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับการป่าไม้ และการตัดไม้ทำลายป่า

ต่อมา พ.ต.อ. ณัทกฤช น้อยคำปัน ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้สั่งการให้ ชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามจังหวัดพิจิตร ลงพื้นที่ตรวจสอบในพื้นที่จังหวัดพิจิตร จนเมื่อในวันที่ 14 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 16.30 น. ได้ตรวจสอบพบมีร้านขายถ่านไม้ริมถนนทางหลวงหมายเลข 1276 ต.ไผ่รอบ อ.เมือง จ.พิจิตร ตั้งถ่านไม้ใส่กระสอบวางขายอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้สอบถามเจ้าของร้านที่มาแสดงตน คือ นางลมัยพร (สงวนนามสกุล) พบว่าไม่เคยขออนุญาตครอบครองของป่าหวงห้ามมาก่อน ตรวจสอบรอบบริเวณร้านมีถ่านสต๊อกอยู่มากกว่า 6 ตัน (500 กระสอบ)

โดยที่นางลมัยพรฯ อ้างว่ารับซื้อมาเก็บไว้ใช้ในครัวเรือน และแบ่งขายตามโอกาส จึงไม่ได้ไปขออนุญาต ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้แจ้งให้ นางลมัยพรฯ ทราบว่า ถ่านไม้ทุกชนิด ถือเป็นของป่าหวงห้าม ตามพระราชกฤษฎีกา กำหนดของป่าหวงห้าม พ.ศ. 2530 ซึ่งการที่จะมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้ในครัวเรือนจะต้องมีไม่เกิน 130 กิโลกรัมเท่านั้น ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ ลงวันที่ 22 มกราคม 2531 หากเกินกว่านั้น ผู้ครอบครองจะต้องได้รับจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อน จึงจะสามารถครอบครองไว้เพื่อประกอบการค้าได้ จากนั้นจึงได้ทำการตรวจยึดถ่านไม้ รวมแล้วน้ำหนักกว่า 6,000 กิโลกรัม พร้อมด้วยตัวนางลมัยพรฯ นำส่งพนักงานสอบสวน 
สภ.โพธิ์ประทับช้าง ดำเนินคดี ในข้อหาตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มีไว้ในครอบครองซึ่งของป่าหวงห้าม (ถ่านไม้ทุกชนิด) เกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

บก.ปทส.ขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า การประกอบกิจการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการป่าไม้ และทรัพยากรธรรมขาติ ผู้ที่ประกอบกิจการต้องศึกษาข้อกฎหมายให้ดีก่อนที่จะกระทำการ เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทรัพยากรอันมีค่าและควรหวงแหน รักษาเก็บไว้ให้ลูกหลานสืบไป และการประกอบกิจการทุกอย่างต้องขออนุญาตตามขั้นตอนให้ถูกต้อง ถึงแม้ว่าจะเป็นวิถีชาวบ้าน แต่หากวิถีนั้นขัดต่อกฎหมาย ย่อมถูกดำเนินคดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในที่สุดแล้วก็จะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้เช่นเดียวกัน

ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม บก.ปทส. สายด่วน 1136 หรือ เพจ Facebook :บก.ปทส.Greencop - Thailand

วุฒิไกร พิมพ์เงิน ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์

ไม่รู้ กม.ห้าม บุกจับร้านขายถ่าน สต็อกล้น 500 กระสอบ โทษไม่เบา ทั้งจำทั้งปรับ