เรียกได้ว่า เป้นอีกหนึ่งนักแสดงรุ่นใหญ่ที่อยู่ในวงการมานาน อย่าง จอย ศิริลักษณ์ ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นแม่หมอมือใหม่ เปิดไพ่ทาโร่ ที่จะไลฟ์สดให้คำชี้แนะทางช่องทางโซเชียลส่วนตัวนั่นเอง ล่าสุด จอยได้ออกมาเผยผ่านรายการโต๊ะหนูแหม่มกับพิธีกร หนูแหม่ม สุริวิภา พร้อมเล่าเรื่องราวแบบหมดเปลือกเลย
หนูแหม่ม : เริ่มมาเป็นหมอดู เปิดไพ่จริงจังได้ยังไง ?
จอย : หนูใช้สมาธิในการดูจริงจัง แต่ไม่ได้ทำเป็นอาชีพจริง หนูไม่ได้เปิดไพ่ส่วนตัวหรือดูเป็นอาชีพอะไร ไม่เก็บค่าครู ส่วนเรื่องที่จะดูให้คือแล้วแต่เราสะดวก เราก็จะเปิดไพ่ดูให้นะ ตามโซเชียลส่วนตัวของเรา
หนูแหม่ม : ทำไมถึงเลือกดูเป็นไพ่ทาโร่ ?
จอย : ต้องบอกว่าโปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม (หัวเราะ) คือต้องบอกว่าย้อนกลับไปน่าจะเกิน 5 ปีนะคะ เคยฝัน ฝันดีมาก ฝันเห็นภาพสวยงามมากๆ เป็นเรื่องที่แปลกตามาก ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เราเจอ หรือเราจะมีเมมโมรี่อยู่แบบนั้น เห็นเป็นภาพเรือสำเภาสีทองสวยมาก และมีบอลลูนลอยอยู่บนท้องฟ้าที่มืดมาก แต่เรือลำนั้นสว่างสีทองสุดๆ สวยงามเลย แล้วก็รู้สึกฝันดี และก็รู้สึกว่าอยากซื้อไพ่ทาโร่จังเลย ตอนนั้นไปห้าง ห้างจะปิดแล้ว แต่ก็อยากซื้อจนตัดสินใจซื้อเลย ก็เอามาเปิดๆ จะบอกว่าไพ่ทาโร่เวลาเราซื้อ เขาจะไม่ให้เราดูข้างในก่อน และคิดว่าเหมือนไพ่เลือกเราด้วย ในกล่องมันจะมีภาพต่างๆ เห็นว่าเป็นแนวไหน แต่เราไม่เห็นทุกใบในนั้น แล้วพอเรากลับมาเปิดปุ๊บ ภาพแรกที่เปิดมากลายเป็นภาพที่เราเห็นในฝัน เป็นรูปเรือสำเภาตามน้้นเลย หนูก็เลยเริ่มคิดแบบเชื่อมโยงแล้วว่าหรือมันจะมีอะไร
หนูแหม่ม : หลังจากนั้นทำยังไงต่อไป ทำไมถึงเชื่อเรื่องนี้ ?
จอย : ก็อ่านความหมาย ในไพ่เป็นภาษาอังกฤษสื่อความหมายว่าให้เป็นแสงสว่างให้คนอื่น เราเลยรู้สึกว่ามีอะไรแน่ๆ ก็เลยเริ่มอ่านๆ ตอนแรกก็คิดว่าเราก็เป็นคนอ่านหนังสือเยอะเหมือนกัน แต่ทำไมไม่เข้าหัว หรือจะฟุ้งๆ คาใจมากกับการที่อ่านแล้วจำไม่ได้ ก็เลยไปกราบพระอาจารย์ที่นับถือที่เชียงราย แล้วก็เลยบอกท่านว่าถ้าหนูฟุ้งให้บอกหนูเลยตรงๆ หนูจะได้หยุดไม่สนใจแล้ว ซึ่งท่านเป็นพระวัดป่าปฏิบัติธรรมเคร่ง ท่านก็นั่งสมาธิและยิ้ม แล้วก็บอกว่าก็ทำได้หนิ แต่หนูก็บอกว่าอ่านแล้วไม่รู้เรื่องเลย ต้องไปลงเรืยนมั้ย ท่านก็บอกว่าไม่ต้องเดี๋ยวสวดให้ หนูก็เลยว่าให้ท่านเบิกเนตรให้หน่อย หลังจากนั้นก็ดูได้เลย หลังจากนั้นก็ดูได้เอง ยังไงก็ไม่ทราบ ไม่รู้จะอธิบายยังไง
หนูแหม่ม : ล่าสุดเห็นว่าไปส่องพระ ถึงขั้นเห็นเป็นเนื้อหนังมังสาของพระเลย ?
จอย : คือไม่รู้ว่าส่องเป็นหรือไม่เป็น แต่เป็นคนชอบส่องพระ คือที่จริงก็ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง เพราะมันแล้วแต่ความเชื่อ คือตอนนั้นมีพี่ที่รู้จักเขาบอกว่าลองส่องให้หน่อยเห็นอะไรบ้าง จอยก็บอกว่าส่องไม่เป็นนะพี่ เราเห็นอะไรยังไงก็พูดไปแบบนั้น เสร็จแล้วจอยก็ส่องไปที่องค์นึง เป็นพระอาจารย์โตนะคะ พอส่องไปจอยก็เห็นเป็นเนื้อหนังจีวรจริงๆ จอยก็ตกใจคิดว่าตัวเองคิดไปไกลหรือเปล่า
แต่เคยมีพระอาจารย์เคยบอกว่ามีอะไรไม่ต้องสงสัย เราก็เลยรู้สึกว่าต้องบาลานซ์ เวลาเห็นอะไรที่เป็นสิ่งดีสิ่งมงคล เราเชื่อเราสบายใจก็รับไว้ ส่องเห็นมาแล้ว 2 ครั้ง และก็เป็นสมเด็จอาจารย์โตทั้ง 2 ครั้ง ครั้งแรกเห็นจากส่องพระ ครั้งหลังเห็นจากการไปไหว้พระกราบพระ เงยหน้ามาก็ตกใจเหมือนเห็นเป็นเนื้อหนัง เราก็รู้สึกปิติจัง