หย่าฟ้าผ่า เลิกแบบไม่มองหน้าอึ้งทั้งวงการ ‘เป๊กกี้ ศรีธัญญา’ ประกาศเลิกสามี เพราเหตุผลนี้
ช็อกส่งท้ายปีเมื่อ “เป็กกี้ ศรีธัญญา” ออกมาประกาศผ่านอินสตราแกรมว่าตนนั้นปิดฉากชีวิตคู่กับ “ฐากูร” เป็นที่เรียบร้อยมาซักระยะหนึ่งแล้ว พร้อมย้ำว่า “#คุณฐากูรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดใดกับเป็กและงานเป็กอีกต่อไปค่ะ” ท่ามกลางคนบันเทิงและแฟนคลับให้กำลังใจจำนวนมากหากย้อนไปในอดีต ทั้งคู่เคยเปิดใจเรื่องชีวิตคู่ พร้อมกับหลั่งน้ำตาเล่าปัญหาชีวิตคู่ แล้วล่าสุดที่บอกว่าคุณเป็กกี้งอนหนักมาก แล้วเป็นปัญหาใหญ่
เป็กกี้ : อันนี้เรียกว่าสงครามเย็น ต้องอธิบายอย่างนี้ ตั้งแต่ 10 ปีที่คบกันคุณฐาทำงานกับเป็กตลอด แล้วก็เขาตั้งใจทำหน้าที่ของเขาอย่างดี แล้วมีอยู่วันนึงหลังแต่งงานแล้ว บ้านเสร็จแล้ว เขารู้สึกว่าทุกอย่างมันลงตัวแล้วมั้ง เขาก็เลยไปค้นพบงานอดิเรกอย่างนึง นั่นคือฐากูร : ปั่นจักรยาน ที่เรารู้สึกว่าชอบ แล้วเราแบบมีความสุข จริงๆ ตอนแรกไปปั่นจักรยานด้วยกัน แต่ว่าด้วยแดดด้วยอะไร เขาเหมือนว่าไม่ชอบ
เป็กกี้ : เป็กเป็นอย่างนี้เวลาเขาไปทำกิจกรรมอะไร โอเคชีวิตคู่เรามีกันอยู่ 2 คน เราก็ไปทำด้วยกัน มันจะได้เป็นกิจกรรมคู่ ก็พยายามไปในทุกๆ กิจกรรมที่เขาอยากไป กิจกรรมจักรยานก็เคยไปกับเขามา ตอนนั้นไม่ชอบหรอก แต่ยินดีที่จะไป ทีนี้พอไปเขารู้สึกว่าการปั่นตรงนี้ไม่พอ อยากลงถนน เขาก็ชวนไปปั่นที่พัทยา เขาบอกว่าแดดไม่แรง ออก 8 โมงถึง 11 โมง แล้วเรารู้สึกว่าการปั่น 1.แดดด้วย เครียดกลัวหน้าพังด้วยผู้หญิงอะ แล้วอีกประเด็นเวลารองเท้าติดเวลาเราปั่นแล้วเราหมดแรง ขึ้นเนินมันไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มันไม่สามารถสลัดคีดให้หลุดได้ เราก็บอกว่าพี่ฐาช่วยด้วย 1-2 รอบแรกเขาก็ช่วยอยู่ แต่พอรอบที่ 3 ตอนเขามาช่วยเป็กเห็นสีหน้าเขามันมีความรู้สึกว่า เขาอยากสนุกของเขาแล้วเราเป็นภาระ ไม่รู้จริงไหมนะ แต่ว่าในสายตาเลยรู้สึกว่าไม่ใช่เวย์ของเรามาแล้วเป็นภาระ กลับมากรุงเทพฯ เป็กขายจักรยานทิ้งเลย
แต่คุณฐายังชอบอยู่ จนการปั่นจักรยานทำให้มีปัญหาชีวิตคู่?เป็กกี้ : มีมาเรื่อยๆ มันค่อยๆ มา มีอยู่วันนึงตื่นมาตี 3 จะฉี่แล้วห้องเป็กเป็นสีดำก็ไม่เห็นหรอกว่าอยู่หรือไม่อยู่ แต่ตื่นมาตี 3 พี่ฐาไม่อยู่บ้าน เราตกใจ ไปไหนอะ คิดว่าไปไหนๆ แล้วข่มตาหลับตื่นมาอีกทีบ่ายโมง เปิดเฟซบุ๊กเขาดู เขาบอกว่าปั่นจักรยานเขาใหญ่ม้นสนุกและคุ้มค่ากับการมามากๆ เลยครับฐากูร : ก็ไม่ได้บอกเขา ทำงานด้วยมันอาจจะลืมฐากูร : มันคือกีฬาที่ผมชอบจริงๆ แล้วผมเพิ่งไปชอบ เพราะก่อนหน้านี้ผมไม่มีเวลาทำอะไรเลย 1.ทำงาน 2.ทำบ้าน แต่ทีนี้มันถึงช่วงที่ผมอยากจะทำอะไรที่ผมชอบจริงๆ แล้วที่วันนั้นให้รถกองมารับก็อยู่ด้วยกัน ผมก็บอกเขาว่า พรุ่งนี้มีงานด่วนเข้ามา เธอจะรับไหม แต่ว่ามันอาจจะต้องไปรถคันอื่นเป็กกี้ : มันเป็นช่วงเวลาช็อก อยู่ดีๆ ก็บอกว่าเดี๋ยวมีรถกองมารับฐากูร : วันนั้นนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยกัน วันรุ่งขึ้นเธอแต่งหน้า แล้วบอกเธอเป็กกี้ : อ่อ พรุ่งนี้จะมีรถกองมารับนะ แล้วเรารู้สึกว่าไม่ปรึกษากันก่อนเหรอ เธอไปรถกองได้ไหม หรือว่ารถเรามี เอาคนมาขับรถไหม ไปรถเราเอง เธอจะไปไหนไมาได้พูด ก็พูดไปเลยว่าเธอไปรถกองนะ เดี๋ยวรถกองมารับ
วันนั้นน้อยใจหรือโมโหเป็กกี้ : รู้สึกแย่ เศร้ามาก แล้วเลือกจักรยานไม่เลือกเรา เราไปทำงานนะ เราไม่ได้ไปเที่ยวนะ
แล้ววันที่เราเห็นเขาไปปั่นจักรยานที่เขาใหญ่เรารู้สึกยังไงเป็กกี้ : รู้สึกแย่นะ แต่ไม่ชวนทะเลาะ พยายามทำความเข้าใจอยู่ แต่ว่าดวงจิตแตกคือวันที่มีรถกองมารับนี่แหละ
ก่อนหน้านี้มีคุยกันไหมฐากูร : ไม่ค่อยคุยกันเป็กกี้ : ใช้วิธีเงียบฐาเองก็มีมุมน้อยใจเป็กกี้เหมือนกันฐากูร : ผมคอยซัพพอร์ตเขามาตลอด คอยช่วยเขาดูทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น วันนึงมันถึงจุดที่ชีวิตเรามันมีความสุขมากแล้ว มากจนบางทีเราเลือกมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ ที่เราพอจะมี คือผมเป็นแบบนั้น
วันนี้เรากลับมาคุยกัน 100% หรือยัง หรือยังมีอะไรคาใจอยู่ ก่อนหน้านี้เป็นเดือนเลยที่ไม่คุยกันเป็กกี้ : ไม่รู้จะเริ่มต้นที่อะไร 1.ตรงนี้มันไม่มีใครผิด ใครถูก เพราะเขาก็อยากไปทำในสิ่งที่เขารัก เป็กก็อยากทำงานแล้วเป็กแค่กังวลเรื่องงาน กลัวไม่มีงาน กลัวเขาไม่รับโทรศัพท์ ไม่รับงานให้เป็ก อาจจะเป็นปมของเป็กก็ได้ เพราะเป็กเองเคยไม่มีเงินเคยมีปัญหาแล้วคิดจะเลิกกันไหม?เป็กกี้ : ของเป็กไม่มี แต่แค่รู้สึกเหนื่อยฐากูร : ไม่มีครับ ไม่เคยคิดจะเลิกอยู่แล้ว แค่แบบว่าคุยกันยังไม่ค่อยลงตัวในเรื่องที่เราคุยกันนี่แหละเป็กกี้ : คนดูอยู่คงตลก แต่อย่าลืมนะ ชีวิตคู่น้อยนิดมหาศาลนะ